ถ้าพูดถึง แบตเตอรี่รถยนต์ ก็คงเปรียบเหมือนหัวใจของรถยนต์ เพราะ แบตเตอรี่รถยนต์ เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานที่ส่งจ่ายไปตามเครื่องยนต์และอุปกรณ์เสริมในรถที่ใช้ไฟทุกประเภท เพราะพลังงานจากแบตเตอรี่ทำให้เครื่องยนต์ของเราสตาร์ทติดได้ และยังป้อนพลังงานให้กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในรถอีกด้วย เช่น ระบบปรับอากาศ ไฟเลี้ยว ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟหน้า กระจกไฟฟ้า วิทยุเครื่องเสียงภายในรถที่เราฟังกันทุกวัน และรวมไปถึงไฟภายในห้องโดยสาร เป็นต้น
ดังนั้น แบตเตอรี่รถยนต์ จึงมีความสำคัญต่อรถยนต์มาก รู้หรือไม่ว่า แบตเตอรี่รถยนต์ แบบไหนเป็นชนิดแห้ง แบบไหนเป็นชนิดน้ำ แล้วทั้ง 2 ชนิดมันแตกต่างกันอย่างไร หาคำตอบกันครับ
- แบตเตอรี่ชนิดน้ำเป็นแบตเตอรี่ที่รถยนต์ส่วนใหญ่นิยมใช้ เหมาะสำหรับประเทศเมืองร้อน แบตเตอรี่ชนิดน้ำแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดที่ต้องเติมและดูแลน้ำกลั่นบ่อยๆ อย่างน้อยต้องเดือนละครั้ง และอีกชนิดหนึ่งคือ กึ่งแห้ง MF (Maintenance Free) ที่ไม่ต้องดูแลบ่อย สัก 6 เดือน ถึง 1 ปีก็มาดูสักรอบ ซึ่งถูกออกแบบมาให้มีการสูญเสียน้ำกลั่นน้อยมาก (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน) โดยทั้ง 2 ชนิดนี้จะมีฝาปิด-ปิดสำหรับเติมน้ำกลั่น เพื่อไม่ให้ แบตเตอรี่รถยนต์ เสื่อมสภาพเร็วเกินไป ทนความร้อนได้ดี ซึ่งแบตเตอรี่ชนิดน้ำจะเหมาะกับรถที่ต้องวิ่งนานๆ ใช้งานเยอะและเป็นประจำ แต่ที่สำคัญราคาถูกกว่าแบตเตอรี่แห้ง และมีอายุการใช้งานยาวนานที่สุดประมาณ 1.5 – 2 ปี แต่ไม่ควรเกิน 3 ปี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน และการดูแลสม่ำเสมอ แต่ถ้าเมื่อไหร่เกิดหมดอายุการใช้งานก็ควรที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ได้เลย
- แบตเตอรี่แบบแห้งSMF (Sealed Maintenance Free Car Battery) เป็น แบตเตอรี่รถยนต์ ที่พัฒนาเพื่อไม่ต้องเติมน้ำกลั่น แต่แบตเตอรี่แบบแห้ง ไม่ได้แห้งอย่างที่เราคิดกัน เพราะข้างในจะมีของเหลวปนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแบบตะกั่ว-กรดที่ใช้แคดเมี่ยมและตะกั่วในแผ่นเซลล์หรือพวกที่ใช้สารละลายอัลคาไลน์หรือที่รู้จักกันในชื่อนิเกิล-แคทเมี่ยมนั่นเอง ซึ่งแบตเตอรี่แบบแห้งจะแตกต่างจากเมืองนอก เพราะเมืองนอกจะใช้เจลหรือซิลิโคนแทนน้ำกรดที่บ้านเราใช้กันที่บรรจุอยู่ใน แบตเตอรี่รถยนต์ ด้วยเหตุผลทางสภาพอากาศบ้านเราร้อนระอุเลยถูกซีลปิดได้ที่ไม่สามารถเติมน้ำกลั่นได้ จะไม่มีฝาเปิด-ปิดหรือไม่ถูกซีลกับฝาที่ติดกัน แต่จะมีแค่ตาแมวสำหรับไว้ตรวจเช็คระดับของน้ำกรด และระดับไฟ ใช้ง่ายโดยไม่ต้องดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ กันมากมาย ทนทาน แต่มีราคาแพง อายุการใช้งานยาวนานกว่าแบตเตอรี่น้ำ แต่ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของแต่ละยี่ห้อ
ข้อดีของแบตเตอรี่ชนิดน้ำ
- มีราคาถูกกว่าแบตเตอรี่ชนิดแห้ง
- มีความทนทานมากกว่า
ข้อเสียของแบตเตอรี่ชนิดน้ำ
- เนื่องจากสารละลายภายในมีส่วนผสมของกรด ถ้าหากเกิดการรั่วหรือหกขึ้นมาละก็..อาจทำลายสีรถของรถได้
- ต้องคอยเช็คและดูแลการประจุและต้องเติมน้ำกลั่นอยู่เสมอ เนื่องจากจะมีการระเหยหรือมีโอกาสที่จะรั่วหรือหกได้
ข้อดีของแบตเตอรี่ชนิดแห้ง
- ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะลืม
- สะดวกต่อการใช้งาน เพราะไม่ต้องเช็คระดับน้ำกลั่น
- สามารถปล่อยแบตเตอรี่ทิ้งไว้ในสภาพที่ไม่มีไฟประจุได้นานกว่าแบตเตอรี่ประเภทเติมน้ำกลั่น
- โอกาสที่กฏิกิริยาทางเคมีภายในจะทำให้เกิดแก๊สมีน้อย คือถ้าหากเกิดแก๊สน้อยความเสี่ยงจากแก๊สก็จะน้อยไปในตัว
ข้อเสียของแบตเตอรี่แห้ง
- มีราคาสูงกว่าแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น
- มีระบบปิดที่มีรูระบายแบบทางเดียว และมีขนาดเล็ก จึงมีโอกาสอุดตันได้ง่าย ซึ่งถ้าเกิดอุดตันแล้วก็อาจเกิดปัญหาแรงดันภายในหรือความร้อนมาก
- ถ้าหากเป็นแบบที่ปิดผนึกซีลไม่ใช้อีเล็กโตรไลท์ หากซีลของช่องหายใจหลุด อาจจะเกิดความเสียหายขึ้นได้ เนื่องจากมีความชื้นเข้าไปภายใน
ไม่ว่าเรา จะเลือกใช้ แบตเตอรี่รถยนต์ ประเภทไหนก็ตาม ก็ควรที่จะดูแลรักษาและหมั่นตรวจเช็คดูสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้ยึดอายุการใช้งาน แต่สำหรับลูกค้าท่านไหนที่กำลังมองหาแบตเตอรี่รถยนต์ ควรที่จะเลือกใช้ แบตเตอรี่รถยนต์ ที่เหมาะกับรถยนต์และความสะดวกในการดูแลของตัวเองจะดีกว่า
แบตเสียเมื่อไร โทรหาเรา....... 081-666-6610
สอบถามเพิ่มเติมได้ทาง
✔FB Page: theflashpower
✔Line : @425mrgbx
✔Tel : 081-666-6610
✔Website : https:/theflashpower.com
#ร้านแบตเตอรี่ #เปลี่ยนแบตเตอรี่ #เปลี่ยนแบตนอกสถานที่ #แบตเตอรี่รถยนต์ #จำหน่ายแบตเตอรี่ #สาธุประดิษฐ์ #พระราม3 #ยานนาวา #สาทร #เปลี่ยนแบตสาธุ #ร้านไดนาโม #ล้างแอร์รถยนต์ #ซ่อมแอร์รถยนต์ #ประสบการณ์มากกว่า50ปี
THE FLASH POWER TEAM
ร้านแบตเตอรี่รถยนต์ สาธุประดิษฐ์
ร้านแบตเตอรี่รถยนต์ พระราม 3
ร้านแบตเตอรี่รถยนต์ สีลม ,
ร้านแบตเตอรี่รถยนต์ สาทร ,
ร้านแบตเตอรี่รถยนต์ สุรศักดิ์,
ร้านแบตเตอรี่รถยนต์ จันทน์,
ร้านแบตเตอรี่รถยนต์ ยานนาวา,
ร้านแบตเตอรี่รถยนต์ เจริญกรุง,
ร้านแบตเตอรี่รถยนต์ เซ็นต์หลุยส์
Leave a comment